Tuesday, April 20, 2010

To-Do-List 2010

ล่วงเข้าสู่ซัมเมอร์ เดือนเมษายนที่มาพร้อมสภาพอากาศที่ร้อนระอุสุดๆ พาลทำให้หลายคนอารมณ์เสีย หงุดหงิด เบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน เบื่องาน อยากลาออก ก็ว่ากันไปตามอารมณ์ของแต่ละคน


หลังจากไม่ได้อัพบล็อกมาหลายเดือนแล้ว ผมขอเริ่มต้นพูดถึงการวางแผนชีวิตประจำปีนี้กันก่อน ก่อนที่จะลืม ใครมีแพลนชีวิตตัวเองอย่างไรก็มาร่วมแชร์กันอ่านได้นะครับ เริ่มเลยละกัน


---------------------------------------


1. ศึกษา business model


=> เอาความรู้และประสบการณ์มาสร้างโมเดลทางธุรกิจของตัวเองให้เป็นจริงซะทีซึ่ง ตอนนี้ก็ได้เริ่มไปแล้ว 1 อย่าง ทำกับแม่ผมเอง เป็นอะไรที่ยังไม่ค่อยลงตัว ฉุกละหุก ตะกุกตะกักหลายอย่าง ด้วยความที่ต่างคนต่างเป็นมือใหม่ทั้งคู่ในเรื่องค้าขาย มันทำให้ทั้งผมและแม่ต้องใช้วิธีลองผิดลองถูก จนเกือบจะเรียกว่ามั่วตั้วไปหลายครั้งมาก อีกไอเดียหนึ่งยังไม่ได้ขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง แต่ (ว่าที่) หุ้นส่วน เขาเริ่มไปพักใหญ่ๆแล้ว แค่จะไปเสริมและช่วยเขาลุยในทำเลใหม่ ซึ่งถ้าไอเดียที่ผมกลั่นกรองและหยิบยืมคำแนะนำคนอื่นมาประยุกต์ต่อ มันไปโดนใจเขา ก็คงจะได้ลงไปร่วมโม่แข้งในสังเวียนนี้ได้เร็วขึ้น


2. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้มากขึ้น


=> ผมยอมรับเลยว่า ตั้งแต่เรียนจบมา 3 ปี ผมแทบจะออกกำลังกายแบบนับครั้งได้ ทำให้หลายๆครั้งพอเจองานหนักที่ต้องทำต่อเนื่อง ผมก็มักจะป่วยทันที แทบไม่ค่อยจะสนใจหาซื้อยามากินด้วย เพราะคิดว่าเด๋วพักผ่อนนิดหน่อยมันก็คงจะหายไปเองแล่ะ

ทีแรกมีพี่ที่ออฟฟิศผมเขาปั่นจักรยานอยู่ ก็มาแนะนำให้ผมลองปั่นดู แกมาพร้อมประโยคเด็ดว่า "ปั่นจักรยานจะทำให้อายุยืนขึ้นอีก 3 ปี" แหม อีกแบบนี้ไม่ลองปั่นถ้าจะไม่ได้ซะแล้ว ผมก็เลยไปสืบราคาร้านจักรยานแถวบ้าน ว่าผมไม่เคยปั่นเสือภูเขามาก่อน พี่จะ recommend ตัวไหนในร้าน พี่ท่านชี้ไปที่คันสีขาวเด่นๆหน้าร้าน โอ้ว แม่เจ้า! นึกถึงเจ๊เหมยลี่้ขึ้นมา นั่นราคาหรือรหัสสินค้าครับพี่ ราคาเดิมๆยังโหดขนาดนี้ ถ้าเกิดผมนึกอยากโมรถให้มันแรงขึ้น เช่น เปลี่ยนชุดเกียร์ เบรก เบาะแบน แม็กทองขอบแดง ผ่าท่อ ถอดกระจกมองข้าง เอาให้แว้นกันไปข้าง ผมมิต้องกู้แบงค์มาแต่งกันเลยเหรอนั่น

ก็เป็นอันว่าพักยกเรื่องจักรยานไปก่อน หาวิธีอื่น ผมก็ปิ๊งต่อไปว่า "การวิ่ง" น่าจะประหยัดตังที่สุดละ ไปเดินหารองเท้าสำหรับวิ่งโดยเฉพาะเลยครับ เพราะได้ยินหลายๆคนบอกว่า ถ้ารองเท้าไม่ดี จะมีผลต่อระบบข้อเสื่อม โอ้ว! ละลานตามากครับ จะมีให้เลือกไปไหนนั่น แล้วอย่างไหนมันจะเหมาะกับเท้าผม แถมแต่ละคู่ราคาก็ไม่ใช่ระดับบ้านๆเลย 3-4 พัน+ ทั้งนั้น ก็เอาเป็นว่าปีนี้จะหารองเท้าสำหรับวิ่งคู่แรกในชีวิตมาใช้ให้ได้ จะได้ออกสตาร์ตกันซักที


3. กล้องถ่ายรูปแบบสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว


=> เป็นหนึ่งใน gadget ที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์สุดๆกับชีวิตผม (ผมคิดไปเอง) ปกติแล้วผมเป็นคนไม่ชอบพกพาอะไรให้มันวุ่นวายเยอะแยะ แค่มีมือถือเครื่องเดียวก็พอแล้ว ซึ่งบางทีมันยังดูเกินความจำเป็นเลย มันคงสนุกและมีความสุขดี ถ้าผมจะได้ออกเดินทางไปเรื่อยๆพร้อมกล้องซักตัวนึง ถ่ายรูปธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ต่างๆ แอบถ่ายคนตามที่ต่างๆ และจะดีมากถ้าสามารถใช้มันหาเงินให้เราได้

ผมก็เลือกๆเล็งๆเอาไว้อยู่ 2-3 ตัว แต่ก็ติดปัญหา(ตัวเอง) ว่ากล้องที่ราคาเอื้อมถึง มันก็ไม่โดนใจ อีรุ่น Full Frame ก็แพงนรกมาก พวกเพื่อนผมมันก็ชอบพูดกันจังว่า ภาพจะสวยไม่ได้อยู่ที่กล้องอย่างเดียว มันอยู่ที่ฝีมือคนถ่ายมากกว่า เออ กูไม่เถียง แต่ถ้ามันไม่ต่างกันจริง มันจะมีกล้องตัวละแสนออกมาขายทำไมกันวะ เหมือนรถยนต์น่ะ ถ้ามินิคูเปอร์มันไม่ต่างกับยาริส มันคงสั่งยกเลิกไลน์ผลิตรถรุ่นนี้ไปนานตั้งแต่คุณบีนเอามาใช้เข้าฉากด้วย แล้ว

น่าจะจบลงที่ 5D MK II+24-70 F2.8L ส่วน 70-200 F2.8L IS USM ก็รอปีหน้าละกันนะตัวเอง เด๋วมีตังจะไปสอย ตอนนี้ก็นั่งเช็ดน้ำลายตัวเองไปก่อน

เฮ้อ!! กิเลสทั้งนั้น -*-


4. ส่งโปรแกรมลง App Store


=> ตั้งใจไว้นานมากละ ตั้งแต่สมัยที่ไอโฟนเพิ่งจะออกใหม่ๆว่าจะผันตัวเองไปเป็นโปรแกรมเมอร์ และเขียนโปรแกรมลง App Store ให้ได้ ถึงแม้ค่าเมมเบอร์รายปีมันจะตก $99 แต่ก็น่าจะคุ้มถ้าปีนึงขายได้หลายโปรแกรมและหลายครั้ง

แต่จนแล้วจนรอด จนป่านนี้ ก็ยังไม่เข้าใจระบบทั้งหมดของไอโฟนซักที ด้วยเพราะความขี้เกียจของผม ที่มักจะมีข้ออ้างนู่นนี่ตลอด ประมาณว่า เฮ้ย! ไว้พรุ่งนี้ละกัน วันนี้กูขี้เกียจ ก็เลยไม่ได้เขียนออกมาเป็นชิ้นงานจริงจังลง portfolio ได้ซะที

แล้วตอนนี้ผมก็ได้แรงยุมา 3 อย่างที่จะทำให้ผมกลับมาเริ่มต้นจริงจังกับมันอีกครั้ง แบบที่จะบังคับใจตัวเองไม่ให้ผลัดวันประกันพรุ่งมันอีกต่อไปแล้ว นั่นคือ

  1. เพื่อนสนิทผมมันซื้อแมคมาแล้ว จากการยุมันทุกครั้งที่คุยกันว่า ซื้อเลยๆๆ!! ในที่สุดมันก็ถอยออกมาจนได้ สาเหตุจริงๆที่เพื่อนผมซื้อเพราะมันได้ไอพอดทัชมา แล้วไปเจอ App ไฟฉาย (ไอ้ที่ประมาณว่าเปลี่ยนสีหน้าจอไปเรื่อยๆ ประหนึ่งเรากำลังดูการดวลดาบเจไดในสตาร์ วอร์ส) มันก็มาเล่าให้ผมฟังว่า App ปัญญาอ่อนแบบนั้นมันยังมีคนซื้อมาใช้เลย กูอยากเขียนมั่ง ผลก็คือมันเสียเงินไปหลายหมื่นสบายตัวไปเลย อย่างน้อยก็มีคนที่คอยช่วยกันแก้บั๊กของโค้ด
  2. เบื่องานประจำที่ทำอยู่ตอนนี้ ด้วยความที่มันเป็นลักษณะงานที่ไม่ได้เพิ่มพูนความรู้ของตัวเอง ใช้แค่วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นครั้งๆไปแต่ผลของงานไม่สร้างให้เกิดความคิด สร้างสรรค์หรือเม็ดเงินที่งอกเงย คือรายได้มันก็โอเคอยู่นะครับ เพียงแต่ผมว่าไฟในตัวผมมันแรงเกินกว่าจะอยู่ที่นี่แล้ว
  3. ค่าตอบแทนและชื่อเสียง ถ้าโปรแกรมมันน่าสนใจ คนก็จะแห่กันมาโหลดเยอะขึ้น เงินก็จะไหลมาเทมา พร้อมๆกับดันให้ตัวโปรแกรมโด่งดังยิ่งขึ้นจนถึงขั้นอาจจะติดชาร์ทได้ และเมื่อนั้นโอกาสหลายๆอย่างรวมทั้งการที่จะได้ร่วมงานกับฝรั่งและทีมงาน ระดับโลกก็จะมีสูง (ผมเคยไปดูไพ่ยิปซี เขาบอกผมมีเกณฑ์ได้ไปทำงานเมืองนอกด้วยแล่ะ เรื่องอื่นผมไม่รู้ แต่เรื่องนี้ผมอยากให้มันเป็นจริง
ล้มเลิกความขี้เกียจซะวันนี้ เพื่ออนาคตของตัวเองและคนที่รออยู่

5. ทริปท่องเที่ยว


=> นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เคยพยายามจะร่วมกลุ่มกันไปเที่ยว แต่ก็พลาดไปหลายครั้ง เอาแค่จะนัดกินเหล้ากันยังยากเลยครับ เนื่องด้วยเวลาทำงานและเวลาว่างของเพื่อนๆแต่ละคน ไม่เคยจะตรงกันซักที (แน่ล่ะทำงานคนละอาชีพ มันจะตรงกันได้ยังไง) แต่ปีนี้เพื่อนผมเป็นคนเอ่ยปากก่อน "จัดทริปกันเถอะมึง" โอเค เพื่อน จัดไป

จังหวัดน่านเป็นหนึ่งใน candidate ประจำปีนี้ ส่วนสถานที่อื่น เอ่อ..ผมยังไม่ได้คิดเลย


สรุปง่ายๆสั้นๆที่อยากทำในปีนี้..วิ่งขึ้นไปถ่ายรูปบนดอยพร้อมแฟนและไอโฟน :P


Sunday, March 7, 2010

ผู้พันแซนเดอร์ส...ชายผู้ล้มเหลวมาตลอดชีวิต

ถ้าคุณล้มเหลวสักครั้ง..ท้อไปใย
เพราะในชีวิตของคนๆหนึ่ง จะมีกี่คนที่"ไม่เคยล้มเหลว" แต่การล้มเหลวไม่ได้หมายถึง"ความพ่ายแพ้" หากแต่หมายถึงการต้อง"เริ่มต้นใหม่"
มนับถือชายคนหนึ่งที่"ล้มเหลว"มาตลอดชีวิต แต่เมื่อเขาทำสำเร็จเพียงครั้งเดียว คนทั้งโลกก็รู้จักเขา
ชายคนนี้คือ"ผู้พันแซนเดอร์ส"...เจ้าของ KFC ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีขายทั่วโลก

ผู้พันแซนเดอร์ส เป็นชายผู้ล้มเหลวมาตลอดชีวิต
ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส เกิดที่เมืองคอร์บิน มลรัฐเคนตั๊กกี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 1890 แต่เมื่อเขาอายุเพียง 5 ขวบ บิดาก็เสียชีวิต ทำให้ครอบครัวอยู่ในสภาพยากจน เขาจึงต้องออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 16 และต้องหางานทำ
ในวัย 17 ปี เขาสร้างสถิติโลกด้วยการตกงานปีเดียว 4 ครั้ง !!!
โชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เขาก็ได้แต่งงานในวัยเพียง 18 ซึ่งยังเด็กเกินไปที่จะมีครอบครัวและความรับผิดชอบ แถมอายุ 19 เขาก็กลายเป็นพ่อคน แต่เพียงปีเดียว เมื่อเขาอายุ 20 ภรรยาก็หอบลูกสาวหนีไปจากชีวิต เพราะทนใช้ชีวิตกับคนไม่เอาไหนแบบเขาต่อไปไม่ได้
เขาจึงตัดสินใจสมัครเป็นทหาร !!!
แต่คนจะ"ล้มเหลว"อะไร ก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่นานเขาก็ถูกขับออกจากกองทัพ จึงตัดสินใจเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ก็ตามฟอร์ม เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี แซนเดอร์สจึงต้องไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน และก็ตามคาดหมาย..เขาล้มเหลวกับงานนี้

แซนเดอร์สเชื่อมั่นว่าเขาต้องมีดีแน่ๆ...สักอย่าง
และสิ่งที่เขาเชื่อว่าเขาทำได้(ดี)ก็คือ การทำอาหาร เพราะต้องช่วยแม่เลี้ยงน้องเมื่อพ่อเสียชีวิต เขาจึงสมัครและได้รับโอกาสให้ทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา
กระนั้นก็ตาม แม้แซนเดอร์สเห็นว่านั่นไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไร แต่เขาทำอาหารและล้างจานที่นั่น
แต่การ"มีงานทำ"ทำให้เขาคิดถึงการเป็น"ครอบครัว" นั่นคืออยู่พร้อมหน้า 3 คนพ่อแม่ลูก เขาจึงติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธ ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะขอคืนเพียงลูกสาว แต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะสถานะของเขาไม่ดีพอที่จะเลี้ยงลูกสาว
แซนเดอร์สวางแผนลักพาตัวลูกกลับมาอยู่ในอ้อมอก
ในร้านกาแฟ เขาวางแผนในการลักพาตัวลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตนทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว และเมื่อถึงเวลา เขาก็ไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆของภรรยาพร้อมจับจ้องเวลาที่ ลูกสาวจะออกมาวิ่งเล่นหน้าบ้านเพื่อลักพาตัว
แต่..อนิจจา วันนั้น ลูกสาวของเขากลับไม่ออกมาเล่นหน้าบ้าน แซนเดอร์สล้มเหลวแม้กระทั่งจะก่ออาชญากรรม แต่โชคดีที่สุดท้าย เขาสามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้ครับพ่
อแม่ลูก

การอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว ทำให้เขามีกำลังใจและทำงานจนเกษียณตอนอายุ 65
สิ่งที่เขาได้รับในวันแรกหลังเกษียณไม่มีงานทำ คือเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกในชีวิตของเขาเป็นเงิน 105 ดอลลาร์ ซึ่งแปลว่า เขามีเงินเหลือจากการทำงานเพียง 105 ดอลลาร์ และจากนี้ไป เขาจะมีชีวิตจากเงินสวัสดิการของรัฐบาล
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาล้มเหลว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แซนเดอร์สหมดกำลังใจและท้อแท้ เขาจึงคิดว่า เมื่อไม่สามารถดูแลตัวเอง ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล เขาก็ไม่ควรจะมีชีวิตอีกต่อไป
แซนเดอร์สจึงตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต นั่นคือฆ่าตัวตาย !!!
เมื่อตัดสินใจเด็ดขาด เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาพร้อมกับดินสอ แล้วนั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านเพื่อเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม แต่ในขณะนั้น เขากลับเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น และสิ่งที่เขาควรจะมีในชีวิต รวมไปถึงสิ่งที่เขาปรารถนาก่อนตาย และเขาก็พบความจริงที่น่าเศร้าว่าเขาไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับ เขาเลย
แต่แซนเดอร์ก็"ยกย่องตัวเอง"ว่าเขาทำได้ในสิ่งที่หลายคนแพ้เขาแน่นอน นั่นคือเขารู้วิธีปรุงอาหาร

ชีวิตแซนเดอร์สเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเขียนกระดาษแผ่นนั้นจบ
เขาคิดว่าขอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความ สำเร็จ ถ้าจะตายก็ขอตายโดยได้พยายามทำบางสิ่งบางอย่างที่มีคุณค่าด้วยชีวิต เขาจึงลุกขึ้นจากสนามหญ้ามุ่งหน้าไปยังธนาคารเพื่อขอยืมเงิน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกันสังคมฉบับต่อไป พร้อมซื้อกล่องเปล่าและไก่จำนวนหนึ่ง
เมื่อกลับถึงบ้าน เขาลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นเองในช่วงหลายปีที่ทำงานที่ร้านกาแฟ
จะมีกี่คนที่รู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของ"ไก่ทอดเคเอฟซี" จากสูตรของแซนเดอร์ส ที่เริ่มในวัย 65 แล้วนำไก่ที่ทอดออกขายตามบ้านต่างๆในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้
คนที่ล้มเหลวมาตลอดชีวิต และประสบความสำเร็จในวัย 65 คนนี้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่เคยท้อแท้ ลองคิดใหม่ว่าตัวเองก็น่าจะมีดีอะไรสักอย่าง...เหมือนแซนเดอร์ส ชายแก่ผู้สร้างชื่อให้รัฐเคนตั๊กกี้ จนผู้ว่าการรัฐจึงแต่งตั้งให้เขาเป็น"ผู้พันแซนเดอร์ส" เพื่อเป็นเกียรติประวัติ
และวันนี้ KFC ทั้งโลกกว่า 3 หมื่นร้านใน 100 ประเทศย่อมบอกชัดเจนว่า แม้จะล้มเหลวมาตลอดชีวิต แต่หากสามารถประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียว..ก็คุ้มค่า

Wednesday, January 20, 2010

การดูคน: ว่าด้วยกลวิธีในการดูคนเจ็ดประการ

อันการที่จะรู้ลักษณะนิสัยของคนนั้น หาได้ยากในการพิจารณาไม่ เพราะความดีชั่วมีความแตกต่าง ส่วนลักษณะท่าทางก็มีความผิดแผกกันอย่างมากมาย โดยบางคนภายนอกดูอ่อนโยน แต่ความจริงเป็นคนกลิ้งกลอก โดยบางคนภายนอกดูสุภาพ แต่ความจริงเป็นคนหลอกลวง โดยบางคนภายนอกดูกล้าหาญ แต่ความจริงเป็นคนขี้ขลาด โดยบางคนภายนอกดูทุ่มเท แต่ความจริงเป็นคนไม่มีความภักดี ทว่า การดูคนจะมีอยู่เจ็ดวิธี คือ
  1. ยุแหย่ด้วยเรื่องดีร้ายแล้วสังเกตดูซึ่งปณิธาน
  2. บริภาษให้อับจนแล้วสังเกตดูซึ่งปฏิภาณ
  3. สอบถามซึ่งกลยุทธ์แล้วสังเกตดูซึ่งปัญญา
  4. บอกกล่าวซึ่งเคราะห์ภัยแล้วสังเกตดูซึ่งความกล้า
  5. มอมเมาด้วยสุราแล้วสังเกตดูซึ่งอุปนิสัย
  6. ผูกมัดด้วยอามิสแล้วสังเกตดูซึ่งความสุจริต
  7. มอบหมายภาระกิจให้ทำในเวลาที่จำกัดแล้วสังเกตดูซึ่งสัจจะ
จาก ตำราพิชัยสงครามขงเบ้ง ภาคว่าด้วยแม่ทัพ

Monday, January 4, 2010

To-Do-List 2009: update status

2009 ผ่านพ้นไปอีก 1 ปี เร็วชะมัดเลยแฮะ เรื่องดีเรื่องแย่คละเคล้ากันไปหมดเลย หลายๆอย่างทำให้(ความคิด)เราโตขึ้น บางอย่างก็ทำให้เราดูเด็กลง แต่มันก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราเป็นเรา แก้ไขสิ่งไม่ดี และพร้อมลุยกับสิ่งใหม่ๆเพื่ออนาคต ดีกว่ามานั่งจมกับอดีต พลาดทำหลายสิ่งไปเยอะเหมือนกัน อัพเดตเอาไว้ตรงนี้แล้ว
---------------------------------------

1. ศึกษา business model => อยากทำธุรกิจส่วนตัวอ่ะ "ก็ยังคงศึกษาอยู่ ยังไม่มีโอกาสได้เริ่มลงมือเลย"
2. เก็บเงินเพื่อการลงทุนในธุรกิจ => หลังหักรายจ่ายด้านกิเลส(มากมาย) "ตัดกิเลสลงไปได้เยอะละ"
3. iPhone หรือ Android ซักเครื่อง => แทนที่เครื่องเก่า "เพิ่งเอาเครื่องเก่าไปซ่อม ใช้งานต่อ หมดค่าซ่อมไปเยอะมาก ค่าซ่อมไอโฟนน่าจะโหดกว่านี้"
4. iPhone application developer roadmap => textbook อีกแล้ว แต่คราวนี้เจาะจงมาสาย iPhone ล้วนๆเลย "อ่านจบไปเล่มเดียวเอง Objective-C เบื้องต้น ที่เหลือวางทับกระดาษอยู่เป็นชั้นสวยงามดี"
5. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้มาก => เป็นสิ่งที่ยังไงก็ควรทำเสมอ ซื้อ wii ดีไหมเนี่ย แต่ตอนนี้อยากเล่นกอล์ฟ "แทบจะนับครั้งได้เลย"
6. D-SLR เครื่องแรกของชีวิต => D300 + Nikkor lens 24-120mm ล็อกสเปกไว้แล้ว "จะเอาเวลาที่ไหนไปถ่ายล่ะนั่น"
7. เที่ยวๆๆๆ => หลังจากได้กล้อง ก็ต้องออกทริป "ไม่ได้ไปไหนเลย ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา"
8. รถยนต์ของตัวเอง => เอาไว้ขนกล้องกับถุงกอล์ฟ "ได้มาละ แต่ยังไม่ได้วิ่งทางไกลเลย"
9. ออกเรือตกปลา => น้องชายมันชวน เด๋วหาซื้อคันเบ็ดกับรอกก่อน "พักหลังชวนกินเหล้าอย่างเดียวเลย ไม่ตกปลาละเหรอ"
10. ลำโพงเล็กๆในห้องนอน => เอาแบบมี ipod docking ด้วย จะเปิดฟังทั้งคืนเลย "ได้ฟรีมาตัวนึง แต่ต่อไอพอดไม่ได้อ่า"
11. external storage => เอาไว้เก็บคลังแสงเพลงที่บ้าน "Seagate Studio Edition 1TB w/ FireWire800 คลังแสงเพลงเริ่มใหญ่ขึ้นแล้ว"
13. ให้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น => ไม่ค่อยจะอยู่บ้านให้พ่อ-แม่เห็นหน้าเลย "เหมือนเดิม"
14. ดู one piece anime ver. ที่โหลดมาให้ครบ => ดูไปถึงเจอ arlong ละ เอ่อ เหลืออีกหลายร้อยตอนเลยนี่หว่า "เออ ลืมไปเลยนะเนี่ย"
15. guitar jazz improvisation => มั่วกันไปอีกรอบ ทฤษฎีดนตรียังไม่รู้เรื่องเลย แถมยังจะเอากีตาร์ j-rock มาเล่นแจ๊ซด้วย "นิ้วหายด้านละ"
16. ตกแต่งห้องนอน => ว่าจะทำมานานละ เริ่มจากไรก่อนดีละเนี่ย งงไปหมดละ "จับของไม่ใช้ไปหมกอยู่มุมนึง ถือว่าจัดแล้วละกัน"
17. เปลี่ยนเลนส์แว่นใหม่ => ถ้าเจอกรอบแนวๆ ก็จะเปลี่ยนไปด้วยเลย อันที่ใช้อยู่ของ playboy มันดูไม่ค่อยเข้ากับนิสัยส่วนตัวเท่าไหร่ "กรอบเดิม เปลี่ยนแต่เลนส์"
18. ฟังทุกอัลบั้มที่ออกมาในปีนี้ => concept เดิม แต่จะพยายามให้ได้มากที่สุด "มันจะขยันออกไรกันเยอะแยะขนาดนี้ ฟังไม่หมดซะที"


P.S. ปีนี้โสด และก็คาดว่าน่าจะยังโสดต่อไป T_T "ก็เหมือนเดิม"

Wednesday, June 10, 2009

To-Do-List ปี 2009

ไหนๆก็ปล่อยให้เลยมาครึ่งปีละ เขียนต่อไปเลยละกัน ปีนี้ตั้งใจไว้หลายอย่างอยู่ จะได้แค่ไหนค่อยว่ากันตอนมกรา 2010

1. ศึกษา business model => อยากทำธุรกิจส่วนตัวอ่ะ
2. เก็บเงินเพื่อการลงทุนในธุรกิจ => หลังหักรายจ่ายด้านกิเลส(มากมาย)
3. iPhone หรือ Android ซักเครื่อง => แทนที่เครื่องเก่า
4. iPhone application developer roadmap => textbook อีกแล้ว แต่คราวนี้เจาะจงมาสาย iPhone ล้วนๆเลย
5. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้มาก => เป็นสิ่งที่ยังไงก็ควรทำเสมอ ซื้อ wii ดีไหมเนี่ย แต่ตอนนี้อยากเล่นกอล์ฟ
6. D-SLR เครื่องแรกของชีวิต => D300 + Nikkor lens 24-120mm ล็อกสเปกไว้แล้ว
7. เที่ยวๆๆๆ => หลังจากได้กล้อง ก็ต้องออกทริป
8. รถยนต์ของตัวเอง => เอาไว้ขนกล้องกับถุงกอล์ฟ
9. ออกเรือตกปลา => น้องชายมันชวน เด๋วหาซื้อคันเบ็ดกับรอกก่อน
10. ลำโพงเล็กๆในห้องนอน => เอาแบบมี ipod docking ด้วย จะเปิดฟังทั้งคืนเลย
11. external storage => เอาไว้เก็บคลังแสงเพลงที่บ้าน
13. ให้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น => ไม่ค่อยจะอยู่บ้านให้พ่อ-แม่เห็นหน้าเลย
14. ดู one piece anime ver. ที่โหลดมาให้ครบ => ดูไปถึงเจอ arlong ละ เ่อ่อ เหลืออีกหลายร้อยตอนเลยนี่หว่า
15. guitar jazz improvisation => มั่วกันไปอีกรอบ ทฤษฎีดนตรียังไม่รู้เรื่องเลย แถมยังจะเอากีตาร์ j-rock มาเล่นแจ๊ซด้วย
16. ตกแต่งห้องนอน => ว่าจะทำมานานละ เริ่มจากไรก่อนดีละเนี่ย งงไปหมดละ
17. เปลี่ยนเลนส์แว่นใหม่ => ถ้าเจอกรอบแนวๆ ก็จะเปลี่ยนไปด้วยเลย อันที่ใช้อยู่ของ playboy มันดูไม่ค่อยเข้ากับนิสัยส่วนตัวเท่าไหร่
18. ฟังทุกอัลบั้มที่ออกมาในปีนี้ => concept เดิม แต่จะพยายามให้ได้มากที่สุด


P.S. ปีนี้โสด และก็คาดว่าน่าจะยังโสดต่อไป T_T

To-Do-List 2008: update status

ลืมไปแล้วนะเนี่ย นี่ถ้าไม่เปิดบล็อกหน้าเก่าๆเล่นก็คงจะลืมไปตลอดเลยว่าเคยทำเอาไว้ นี่ก็ปาเข้าไปครึ่งปีของ 2009 ละ จะช้าไปไหมเนี่ยถ้าจะอัพเดต แต่ช่างเถอะ
อ้างอิงจากหน้านี้: To-Do-List ปี 2008

1. อ่าน Text ที่ซื้อและ print มาให้ครบทุกเล่ม ที่สำคัญต้องทำตาม purpose ทั้งหมดในเล่มให้ได้ด้วย
ตัวอย่างเล่มนี้ Beginning Mac OS X Programming ภายในกุมภา => เล่มนี้อ่ะจบ แต่เล่มอื่นไม่จบอ่ะ ยังเหลืออีกเป็นกอง
2. เก็บออมเงินให้มากขึ้น => เริ่มจะเก็บได้บ้างละ
3. ไอพอดหรือไอโฟนให้ตัวเองซักเครื่อง => ได้ไอพอดแล้ว
4. หลังจากอ่าน text จะต้องเอาไป implement ด้วยการรับงานนอกเพื่อรายได้เสริม => ยังอ่านไม่จบเลย
5. ตั้งใจและรับผิดชอบกับงานประจำให้มากขึ้น => ตั้งใจแล้วนะ แต่บางทีก็คุมอารมณตัวเองไม่ค่อยอยู่
6. พักผ่อน, ออกกำลังกายให้มากขึ้น => ได้ออกกำลังกายบ่อยขึ้นละ
7. โทรศัพท์ให้น้อยลง => ไม่เป็นโรค mobile phonism แล้ว
8. ลิเวอร์พูลจะไป CL => ไปแล้ว แต่ก็ตกรอบทุกที
9. หาเวลาไปเที่ยวบ้าง => ได้เที่ยวเยอะขึ้น และได้ไป Japan แล้วด้วย
10. ทะเลาะกับแฟนให้น้อยลงจนเกือบเป็นศูนย์ => เป็นโสดแล้วครับ
11. ไปลงเรียน guitar jazz และ music theory => มั่วเองอยู่บ้าน 55++
12. เลิกเหล้า / เบียร์ => ลดไปเยอะและ ความอยากเหล้าเนี่ย
13. ออกรถด้วยเงินตัวเอง => ยังไม่ไ่ด้รถเลย จองไปเป็นเดือนละเนี่ย
14. ฟังทุกอัลบั้มที่ออกมาในปีนี้ => อย่างน้อยก็เกิน 50% ของ resource ที่ผมมี

ก็ทำได้ครึ่งนึงละนะ เด๋วลองดูของปีนี้ว่าจะได้ซักเท่าไหร่

Monday, June 23, 2008

EURO2008 Tournament












Wednesday, February 27, 2008

Introducing new MacBook and MacBook Pro models

Apple today introduced new models of the MacBook and MacBook Pro. MacBook Pro models feature the latest Intel Core 2 Duo processors (running at up to 2.6GHz with 6MB of shared L2 cache), larger hard drives (up to 300GB), and 2GB of memory standard in most models. They also include the latest NVIDIA graphics processors --- with up to 512MB of video memory --- and an innovative Multi-Touch trackpad, first introduced in MacBook Air.

The three new models of the MacBook feature faster processors and hard drives: sleek white 2.1 GHz and 2.4 GHz models with 120GB or 160GB 5400 rpm hard drives and a stunning black 2.4 GHz model with a massive 250GB 5400 rpm hard drive. The 2.4 GHz MacBook ships with 2GB of memory standard, expandable up to 4GB across the line.

Available immediately, the new MacBook and MacBook Pro models start at just $1,099 and $1,999, respectively.
Buy Now
--------------------------------
แม่งซื้อมาใช้ไม่ถึงปี ยังใช้ไม่คุ้มเลย มึงออกตัวใหม่อีกแล้ว เซ็งเป็ด
ออกมาฉลองวันเกิดป๋า Steve Jobs ด้วย ครบ 53 ขวบแล้วนะป๋า

Friday, February 15, 2008

August Band


อัลบั้ม AUGUST THANX (Tentative)

ราคา 199 บาท

กำหนดวางแผง 9 กุมภาพันธ์ 2551 และ วางแผงทั่วไป 14 ก.พ. 51


Album มี 2 แผ่น
1.CD เพลง จำนวน 1 แผ่น
- ยังอยู่ในใจ
- ขอบคุณกันและกัน
- คนธรรมดา
- Ticket Night trip rmx
- ขอบคุณกันและกัน (Demo)
- Silent Night
- ยังอยู่ในใจ (Instrumental)

2. VCD จำนวน 1 แผ่น
- Music VDO กันและกัน
- Music VDO เพียงเธอ
- Karaoke กันและกัน
- Karaoke เพียงเธอ

Download
อย่าลืมอุดหนุนของแท้กันบ้างนะคับ


ปิดเทอมใหญ่...หัวใจว้าวุ่น

ภาพยนตร์รัก...ใสใส แนวถนัด รวมดาวเด็กปั้น ของพะยี่ห้อ GTH
กำลังจะมา...สร้างอารมณ์กุ๊กกิ๊กครั้งใหม่...รับปิดเทอมใหญ่...คราวนี้!!


user posted image

เรื่องย่อ
“ปิดเทอมแล้วโว้ยยยย”
ด้วยต้นทุนความหล่อที่พ่อให้มาอย่างพอเพียง พุ (แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์) กับ ไม้ (ไมเคิล-ศิรชัช เจียรถาวร) จึงเข้าข่ายหล่อเลือกได้ เกมที่ฮิตที่สุดของพวกมันในช่วงปิดเทอม คือ แข่งขอเบอร์หญิง ทุกฤดูอำลาอาลัย สองหล่อจะแท็กทีมกันกลายร่างเป็นสมุดเฟรนด์ชิพให้สาวๆ ม.6 มารุมฝากเบอร์ ดาวโรงเรียน พุ-ไม้ก็สอยเบอร์มาเมมชนิดเหงื่อไม่หยด จนกระทั่ง การมาถึงของเพื่อนเก่าสมัยอนุบาลที่ชื่อ นานา (แพท-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) ยัยคนนี้เองที่ทำให้ พุ-ไม้ ถึงกับขอแตกคอกันชั่วคราว
พุ-วันคู่ ไม้-วันคี่ แฟร์ๆ คนละวัน ใครจีบเบอร์นานาได้ก่อนชนะ!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”
นอกจากร้านซีดีเอเชียแล้ว โอ๋เล็ก (โฟกัส จีระกุล) มั่นใจว่าคอลเล็กชั่น ตี้ตี้ (ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ส้มหล่น) ของแฟนคลับนัมเบอร์วันอย่างเธอไม่เป็นสองรองใคร ซีดีทุกแผ่นทุกเพลงโอ๋เล็กท่องได้ขึ้นใจ แม้เธอจะไม่กระดิกสักนิดว่าคำจีนที่เธอร้องปาวๆ เป็นภาษาคาราโอเกะนั้นมันแปลว่าอะไร ความจริงข้อนี้เองที่ทำให้โอ๋เล็กขัดใจ ก่อนวันคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยหน้าร้อนนี้ เธอจะต้องซาบซึ้งในเนื้อเพลงของ “ตี้ตี้” ให้จงได้
โอ๋เล็กลงทุนไปสมัครเรียนภาษาที่วัดจีน เพื่อการร้องเพลงตี้ตี้แบบอินๆ !

“หากคุณรักใครสักคน you say it, you say it right then, out loud”
โจ้ (ว่าน-รัชชุ สุระจรัส) เริ่มภารกิจเฉลยความนัยกับ ซี (ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ) อย่างที่ตั้งใจ แผนหนึ่ง ชวนดูหนัง, แผนสองหลุดความในใจ, แผนสามเซอร์ไพร์สเพื่อคนที่คุณรัก, แผนสี่ประกาศให้โลกรู้ โจ้ทึกทักเอาเองว่าวีรกรรมที่มันเพียรพยายามทำเพื่อซีนั้น คือ ความหวาน โดยไม่เฉลียวใจเลยว่า สาวเจ้าจะรู้สึกว่ามัน “เลี่ยน”
และยิ่งนานวันซีจะเริ่มแปลการกระทำของโจ้ว่า “ยัดเยียด!”

“ไปตรังระวังปลาตอดนะจ๊ะ”
เมื่อ นวล (จุก-ธนิยา อำมฤตโชติ) ไปฝึกงานไกลถึงตรัง จะเตะบอล, ดูหนังเอวี หรือเที่ยวผับ อะไรมันก็งั้นๆไปหมดในความรู้สึกของ เหิร (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) เขาตัดสินใจโดดขึ้นรถไฟไปเซอร์ไพร์สนวลก่อนวันนัดฉลองครบรอบสามปีที่เป็นแฟนกัน แต่โชคร้ายเกิดอุบัติเหตุขึ้น! บนรถไฟสายใต้เหิรชนเข้ากับ อาโออิ สาวญี่ปุ่น ขาว สวย เอ็กซ์ตามสเป็กนางเอกหนังเอวีในดวงใจ อาโออิมาเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้คนเดียว เธอจึงชวนเหิรไปเป็นเพื่อน
แทนที่จะไปตรัง เหิรจึงไถลไปพะงันกับสาวยุ่นคนนั้นซะฉิบ!

แนว : โรแมนติก / ดราม่า / คอมมาดี้

นำแสดงโดย : ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร, โฟกัส จีระกุล, ชุติมา ทีปะนาถ, รัชชุ สุระจรัส,
ธนิยา อำมฤตโชติ, ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา,
เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, ณัฏฐพงษ์ ส้มหล่น, สุวิกรม อัมระนันทน์, สราวุฒิ ปัญญาธีระ

กำกับการแสดงโดย : ทรงยศ สุขมากอนันต์ (เด็กหอ)

บทภาพยนตร์โดย : ทรงยศ สุขมากอนันต์

อำนวยการสร้างโดย : จีทีเอช (GTH)

จัดจำหน่ายโดย : จีทีเอช (GTH)

กำหนดฉาย : 20 มีนาคม 2551

Official Site : ปิดเทอมใหญ่ฯ


g8.gif g8.gif g8.gif g8.gif g8.gif g8.gif

Boxoffice
รายได้เปิดตัวในประเทศไทย : Coming Soon!
รายได้รวมในประเทศไทย : Coming Soon!


emotion_045.gif emotion_045.gif emotion_045.gif emotion_045.gif emotion_045.gif emotion_045.gif

ตัวอย่างภาพยนตร์
Coming Soon!


emotion_038.gif emotion_038.gif emotion_038.gif emotion_038.gif emotion_038.gif emotion_038.gif

เพลงประกอบภาพยนตร์
อย่างน้อย - บิ๊กแอส

เนื้อร้อง
มีใครบางคนให้คำนิยาม ว่ารักคือความทุกข์
แตกต่างกับฉันที่มองว่ารัก คือความสุข
อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา
อาจจะต้องผิดหวังก็ไม่เป็นไร

* อย่างน้อยฉันเคยได้รัก เธอ รักด้วยการไม่หวังอะไร
ก็รู้ฉันเองก็ยังไม่ใช่ ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
อย่างน้อยฉันได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ทุกนาทีที่ฉันมีเธอ รักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่
แหละมีความหมายมากมายจริงๆ

ความพยายามที่ทำเพื่อเธอ จะขอทำต่อไป
แค่มีรอยยิ้มของเธอส่งมา ก็ชื่นใจ
หากในวันพรุ่งนี้ เธอจะตอบตกลง คงจะคุ้มค่ามากมาย
แม้จะต้องผิดหวังก็ไม่เสียใจ

ซ้ำ *

อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา
อาจจะต้องผิดหวังก็ไม่เป็นไร

ซ้ำ *


i2.gif i2.gif i2.gif i2.gif i2.gif i2.gif

user posted image

Movie Stills

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image

user posted image