ล่วงเข้าสู่ซัมเมอร์ เดือนเมษายนที่มาพร้อมสภาพอากาศที่ร้อนระอุสุดๆ พาลทำให้หลายคนอารมณ์เสีย หงุดหงิด เบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน เบื่องาน อยากลาออก ก็ว่ากันไปตามอารมณ์ของแต่ละคน
หลังจากไม่ได้อัพบล็อกมาหลายเดือนแล้ว ผมขอเริ่มต้นพูดถึงการวางแผนชีวิตประจำปีนี้กันก่อน ก่อนที่จะลืม ใครมีแพลนชีวิตตัวเองอย่างไรก็มาร่วมแชร์กันอ่านได้นะครับ เริ่มเลยละกัน
---------------------------------------
1. ศึกษา business model
=> เอาความรู้และประสบการณ์มาสร้างโมเดลทางธุรกิจของตัวเองให้เป็นจริงซะทีซึ่ง ตอนนี้ก็ได้เริ่มไปแล้ว 1 อย่าง ทำกับแม่ผมเอง เป็นอะไรที่ยังไม่ค่อยลงตัว ฉุกละหุก ตะกุกตะกักหลายอย่าง ด้วยความที่ต่างคนต่างเป็นมือใหม่ทั้งคู่ในเรื่องค้าขาย มันทำให้ทั้งผมและแม่ต้องใช้วิธีลองผิดลองถูก จนเกือบจะเรียกว่ามั่วตั้วไปหลายครั้งมาก อีกไอเดียหนึ่งยังไม่ได้ขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง แต่ (ว่าที่) หุ้นส่วน เขาเริ่มไปพักใหญ่ๆแล้ว แค่จะไปเสริมและช่วยเขาลุยในทำเลใหม่ ซึ่งถ้าไอเดียที่ผมกลั่นกรองและหยิบยืมคำแนะนำคนอื่นมาประยุกต์ต่อ มันไปโดนใจเขา ก็คงจะได้ลงไปร่วมโม่แข้งในสังเวียนนี้ได้เร็วขึ้น
2. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้มากขึ้น
=> ผมยอมรับเลยว่า ตั้งแต่เรียนจบมา 3 ปี ผมแทบจะออกกำลังกายแบบนับครั้งได้ ทำให้หลายๆครั้งพอเจองานหนักที่ต้องทำต่อเนื่อง ผมก็มักจะป่วยทันที แทบไม่ค่อยจะสนใจหาซื้อยามากินด้วย เพราะคิดว่าเด๋วพักผ่อนนิดหน่อยมันก็คงจะหายไปเองแล่ะ
ทีแรกมีพี่ที่ออฟฟิศผมเขาปั่นจักรยานอยู่ ก็มาแนะนำให้ผมลองปั่นดู แกมาพร้อมประโยคเด็ดว่า "ปั่นจักรยานจะทำให้อายุยืนขึ้นอีก 3 ปี" แหม อีกแบบนี้ไม่ลองปั่นถ้าจะไม่ได้ซะแล้ว ผมก็เลยไปสืบราคาร้านจักรยานแถวบ้าน ว่าผมไม่เคยปั่นเสือภูเขามาก่อน พี่จะ recommend ตัวไหนในร้าน พี่ท่านชี้ไปที่คันสีขาวเด่นๆหน้าร้าน โอ้ว แม่เจ้า! นึกถึงเจ๊เหมยลี่้ขึ้นมา นั่นราคาหรือรหัสสินค้าครับพี่ ราคาเดิมๆยังโหดขนาดนี้ ถ้าเกิดผมนึกอยากโมรถให้มันแรงขึ้น เช่น เปลี่ยนชุดเกียร์ เบรก เบาะแบน แม็กทองขอบแดง ผ่าท่อ ถอดกระจกมองข้าง เอาให้แว้นกันไปข้าง ผมมิต้องกู้แบงค์มาแต่งกันเลยเหรอนั่น
ก็เป็นอันว่าพักยกเรื่องจักรยานไปก่อน หาวิธีอื่น ผมก็ปิ๊งต่อไปว่า "การวิ่ง" น่าจะประหยัดตังที่สุดละ ไปเดินหารองเท้าสำหรับวิ่งโดยเฉพาะเลยครับ เพราะได้ยินหลายๆคนบอกว่า ถ้ารองเท้าไม่ดี จะมีผลต่อระบบข้อเสื่อม โอ้ว! ละลานตามากครับ จะมีให้เลือกไปไหนนั่น แล้วอย่างไหนมันจะเหมาะกับเท้าผม แถมแต่ละคู่ราคาก็ไม่ใช่ระดับบ้านๆเลย 3-4 พัน+ ทั้งนั้น ก็เอาเป็นว่าปีนี้จะหารองเท้าสำหรับวิ่งคู่แรกในชีวิตมาใช้ให้ได้ จะได้ออกสตาร์ตกันซักที
3. กล้องถ่ายรูปแบบสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว
=> เป็นหนึ่งใน gadget ที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์สุดๆกับชีวิตผม (ผมคิดไปเอง) ปกติแล้วผมเป็นคนไม่ชอบพกพาอะไรให้มันวุ่นวายเยอะแยะ แค่มีมือถือเครื่องเดียวก็พอแล้ว ซึ่งบางทีมันยังดูเกินความจำเป็นเลย มันคงสนุกและมีความสุขดี ถ้าผมจะได้ออกเดินทางไปเรื่อยๆพร้อมกล้องซักตัวนึง ถ่ายรูปธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ต่างๆ แอบถ่ายคนตามที่ต่างๆ และจะดีมากถ้าสามารถใช้มันหาเงินให้เราได้
ผมก็เลือกๆเล็งๆเอาไว้อยู่ 2-3 ตัว แต่ก็ติดปัญหา(ตัวเอง) ว่ากล้องที่ราคาเอื้อมถึง มันก็ไม่โดนใจ อีรุ่น Full Frame ก็แพงนรกมาก พวกเพื่อนผมมันก็ชอบพูดกันจังว่า ภาพจะสวยไม่ได้อยู่ที่กล้องอย่างเดียว มันอยู่ที่ฝีมือคนถ่ายมากกว่า เออ กูไม่เถียง แต่ถ้ามันไม่ต่างกันจริง มันจะมีกล้องตัวละแสนออกมาขายทำไมกันวะ เหมือนรถยนต์น่ะ ถ้ามินิคูเปอร์มันไม่ต่างกับยาริส มันคงสั่งยกเลิกไลน์ผลิตรถรุ่นนี้ไปนานตั้งแต่คุณบีนเอามาใช้เข้าฉากด้วย แล้ว
น่าจะจบลงที่ 5D MK II+24-70 F2.8L ส่วน 70-200 F2.8L IS USM ก็รอปีหน้าละกันนะตัวเอง เด๋วมีตังจะไปสอย ตอนนี้ก็นั่งเช็ดน้ำลายตัวเองไปก่อน
เฮ้อ!! กิเลสทั้งนั้น -*-
4. ส่งโปรแกรมลง App Store
=> ตั้งใจไว้นานมากละ ตั้งแต่สมัยที่ไอโฟนเพิ่งจะออกใหม่ๆว่าจะผันตัวเองไปเป็นโปรแกรมเมอร์ และเขียนโปรแกรมลง App Store ให้ได้ ถึงแม้ค่าเมมเบอร์รายปีมันจะตก $99 แต่ก็น่าจะคุ้มถ้าปีนึงขายได้หลายโปรแกรมและหลายครั้ง
แต่จนแล้วจนรอด จนป่านนี้ ก็ยังไม่เข้าใจระบบทั้งหมดของไอโฟนซักที ด้วยเพราะความขี้เกียจของผม ที่มักจะมีข้ออ้างนู่นนี่ตลอด ประมาณว่า เฮ้ย! ไว้พรุ่งนี้ละกัน วันนี้กูขี้เกียจ ก็เลยไม่ได้เขียนออกมาเป็นชิ้นงานจริงจังลง portfolio ได้ซะที
แล้วตอนนี้ผมก็ได้แรงยุมา 3 อย่างที่จะทำให้ผมกลับมาเริ่มต้นจริงจังกับมันอีกครั้ง แบบที่จะบังคับใจตัวเองไม่ให้ผลัดวันประกันพรุ่งมันอีกต่อไปแล้ว นั่นคือ
- เพื่อนสนิทผมมันซื้อแมคมาแล้ว จากการยุมันทุกครั้งที่คุยกันว่า ซื้อเลยๆๆ!! ในที่สุดมันก็ถอยออกมาจนได้ สาเหตุจริงๆที่เพื่อนผมซื้อเพราะมันได้ไอพอดทัชมา แล้วไปเจอ App ไฟฉาย (ไอ้ที่ประมาณว่าเปลี่ยนสีหน้าจอไปเรื่อยๆ ประหนึ่งเรากำลังดูการดวลดาบเจไดในสตาร์ วอร์ส) มันก็มาเล่าให้ผมฟังว่า App ปัญญาอ่อนแบบนั้นมันยังมีคนซื้อมาใช้เลย กูอยากเขียนมั่ง ผลก็คือมันเสียเงินไปหลายหมื่นสบายตัวไปเลย อย่างน้อยก็มีคนที่คอยช่วยกันแก้บั๊กของโค้ด
- เบื่องานประจำที่ทำอยู่ตอนนี้ ด้วยความที่มันเป็นลักษณะงานที่ไม่ได้เพิ่มพูนความรู้ของตัวเอง ใช้แค่วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นครั้งๆไปแต่ผลของงานไม่สร้างให้เกิดความคิด สร้างสรรค์หรือเม็ดเงินที่งอกเงย คือรายได้มันก็โอเคอยู่นะครับ เพียงแต่ผมว่าไฟในตัวผมมันแรงเกินกว่าจะอยู่ที่นี่แล้ว
- ค่าตอบแทนและชื่อเสียง ถ้าโปรแกรมมันน่าสนใจ คนก็จะแห่กันมาโหลดเยอะขึ้น เงินก็จะไหลมาเทมา พร้อมๆกับดันให้ตัวโปรแกรมโด่งดังยิ่งขึ้นจนถึงขั้นอาจจะติดชาร์ทได้ และเมื่อนั้นโอกาสหลายๆอย่างรวมทั้งการที่จะได้ร่วมงานกับฝรั่งและทีมงาน ระดับโลกก็จะมีสูง (ผมเคยไปดูไพ่ยิปซี เขาบอกผมมีเกณฑ์ได้ไปทำงานเมืองนอกด้วยแล่ะ เรื่องอื่นผมไม่รู้ แต่เรื่องนี้ผมอยากให้มันเป็นจริง
5. ทริปท่องเที่ยว
=> นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เคยพยายามจะร่วมกลุ่มกันไปเที่ยว แต่ก็พลาดไปหลายครั้ง เอาแค่จะนัดกินเหล้ากันยังยากเลยครับ เนื่องด้วยเวลาทำงานและเวลาว่างของเพื่อนๆแต่ละคน ไม่เคยจะตรงกันซักที (แน่ล่ะทำงานคนละอาชีพ มันจะตรงกันได้ยังไง) แต่ปีนี้เพื่อนผมเป็นคนเอ่ยปากก่อน "จัดทริปกันเถอะมึง" โอเค เพื่อน จัดไป
จังหวัดน่านเป็นหนึ่งใน candidate ประจำปีนี้ ส่วนสถานที่อื่น เอ่อ..ผมยังไม่ได้คิดเลย
สรุปง่ายๆสั้นๆที่อยากทำในปีนี้..วิ่งขึ้นไปถ่ายรูปบนดอยพร้อมแฟนและไอโฟน :P